ข้อความวิ่ง

เว็บไซต์กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา อีกไม่ช้าคงสมบูรณ์

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ปรัชญาโรงเรียน

          โรงเรียนยึดหลักปรัชญาพิพัฒนาการนิยมในกาจัดกิจกรรมการเรียนรู้เน้นการเรียนรู้โดยปฏิบัติจริง (Learning by Doing) ส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องราวที่สอดคล้องกับสภาพการดำรงชีวิตท้องถิ่น

คำขวัญโรงเรียน

สามัคคี  มีวินัย  ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม อยู่ภายใต้บรรทัดฐานของสังคม ชื่นชมเศรษฐกิจพอเพียง

วิสัยทัศน์

โรงเรียนบ้านตานวนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ นักเรียนมีความรู้ตามมาตรฐาน ทุกคนมีทักษะในการประกอบอาชีพ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีสุขภาพกายจิตดี ยึดถือคุณธรรม เป็นพลเมืองดีของชาติ

สำนวนชวนคิด

สารคดี  ชุด เรารักศรีสะเกษ

บัวกันต์   วิลามาศ

คำขวัญชวนคิด


            ข้าพเจ้าภูมิใจอย่างมากที่ได้มาเป็นคนศรีสะเกษ   แม้ภูมิลำเนาเผ่ากอของข้าพเจ้า

จะเป็นชาวอุบลราชธานี โดยกำเนิด
                ในเมื่อข้าพเจ้ามารับใช้บ้านเมืองของศรีสะเกษ  ข้าพเจ้าก็ต้องเป็นคนศรีสะเกษ 
และจะต้องทำดีเพื่อศรีสะเกษ
                ข้าพเจ้าพบสิ่งดี ๆในศรีสะเกษอยู่มากมาย  และก็ภูมิใจอย่างมากที่มีโอกาสได้รู้จัก
และเรียนรู้วิถีชีวิตและความเป็นไปศรีสะเกษ
                ศรีสะเกษมีนักต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่  มีวัฒนธรรมที่มากหลาย  มีสิ่งที่ลูกหลานชาวศรีสะเกษ
ต้องเรียนรู้  รู้จักในรากเหง้าที่แท้จริงของตนเอง
                ขอขอบคุณ คุณพงษ์พัฒน์  ไตรพิพัฒน์  ที่ให้โอกาสข้าพเจ้าได้มีส่วนร่วมในการร่วมกันสร้างสรรค์งานเพื่อชาวศรีสะเกษ
                ข้าพเจ้าภูมิใจอย่างมากกับคำขวัญของจังหวัดศรีสะเกษ
                1.ศรีสะเกษ    คือ  แดนปราสาทขอม  ทั่วท้องที่ของจังหวัดศรีสะเกษ  เต็มไปด้วยปราสาทต่าง ๆที่บ่งบอกถึงความมีอารยธรรมอันเก่าแก่มากมาย ทุกปราสาทที่ปรากฏ ได้พบคราใด 
คล้าย ๆว่าชีวิตกำลังล่องลอยอยู่ในความเป็นไปในยุคของอารยธรรมนั้น
                2.ศรีสะเกษ   ชาวบ้านมีอาชีพ ปลูกหอมแดงที่มีคุณภาพ ปลูกกระเทียมอันเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวศรีสะเกษ หอม กระเทียมของศรีสะเกษ  สร้างลูกหลานศรีสะเกษได้เป็น นายพล  นายแพทย์  รัฐมนตรี  รวมทั้งนักการเมืองที่มีคุณภาพ (บางคนก็ไม่มี
คุณภาพเหมือนกัน..แฮ่ ๆๆๆ)
                3.ศรีสะเกษ   เป็นที่ตั้งของสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์   ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่จังหวัดที่ได้รับโอกาสในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่นี้
                4.ศรีสะเกษ    มากด้วยต้นลำดวน   นับไม่ถ้วนว่ากี่หมื่นกี่แสนต้นลำดวน  ในฤดูออกดอก  ต่างส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วสวนแห่งสมเด็จพระศรีนครินทร์ ดังบทกวีของนักเขียนท่านหนึ่ง
ของจังหวัดศรีสะเกษ  เขียนไว้ในหนังสือรวมบทกวีนิพนธ์ ชื่อ ความใฝ่ฝันที่รอวันหยั่งรากว่า



                                หอมเอยหอมทั่วแคว้น                        หอมหวน
                มวลหมู่ภมรชวน                                                  อยู่ใกล้
                ดอกบานกลิ่นหอมอวล                                       สูดกลิ่น
                บานเบ่งสวยชวนให้                                            กลิ่นฟุ้งขจาย
                                เรียงรายชูกิ่งก้าน                                 ออนซอน
                พลบค่ำตะวันรอน                                               กลิ่นฟุ้ง
                ลำดวนแห่งแดนนคร                                          ศรีสะเกษ
                หอมกรุ่นอวลรอบคลุ้ง                                        ทุ้งนี้ลำดวน
                                เชิญชวนมาเบิ่งไม้                               หอมนวล
                ศรีสะเกษเชิญชวน                                              เกี่ยวก้อย
                เชิญมาเที่ยวชมสวน                                            สมเด็จ ฯ ย่าแฮ
                ชูกิ่งก้านชดช้อย                                                  ช่อไม้มงคล
                                ครายลหอมกลิ่นฟุ้ง                             ขจร
                ยวนกลิ่นหอมรอภมร                                          กลิ่นเย้า
                ไถงส่องรอนรอน                                                พลบค่ำ
                ส่งกลิ่นอวลคละเคล้า                                          กลิ่นฟุ้งเมืองศรี ฯ               
                5.ศรีสะเกษ  เป็นแหล่งแห่งอารยธรรมต่าง ๆ ของชนที่มีวิถีชีวิตอย่างสันติสุข  ลาว  เขมร  ส่วย  และเยอ  คือเผ่าชนที่บ่งบอกถึงความเป็น ศรีสะเกษที่แท้จริง
                6.ศรีสะเกษ  เป็นจังหวัดหนึ่งที่คนในท้องถิ่นและท้องที่ ต่างมีความรักสมัครสมาน 
มีความสามัคคีกันอย่างแท้จริง  สิ่งใดที่มีคนคิดเพื่อที่จะทำจะสร้างแล้ว คนศรีสะเกษไม่นิ่งเฉย 
ต่างลงไม้ลงมือช่วยกันอย่างเต็มที่ จึงเป็นที่มาของ เลิศล้ำสามัคคี
                เป็นความภูมิใจที่แท้จริงของข้าพเจ้าจริง ๆ
                ฉบับนี้ข้าพเจ้าอาจยังเสนอแนวคิดที่เป็นของดีของศรีสะเกษ ยังไม่ชัดเจนนัก  เนื่องจากเวลาในการนำเสนอข้อมูลมีเวลาจำกัด  ฉบับหน้าขอทำหน้าที่ให้ดีกว่านี้  ข้าพเจ้าได้ไปพบ
สิ่งดี ๆที่ พระธาตุเรืองรองมาแล้ว  ฉบับหน้าจะนำเสนอท่าน


การศึกษาคือหน้าตาของประเทศ

การศึกษา คือหน้าตาของประเทศ
        ปรัชญา  หมายถึง  ความเชื่อเกี่ยวกับวิธีการคิดอย่างมีระเบียบแบบแผนเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆที่มีอยู่ หรือเป็นความพยายามที่จะค้นหาความสอดคล้องของแนวความคิดและประสบการณ์ทั้งหมด

        
ปรัชญาการศึกษา ( Philosophy of Education ) การศึกษา หมายถึง การถ่ายทอดความรู้ ทักษะ
และทัศนคติของคนรุ่นก่อนให้กับอนุชนรุ่นหลังของสังคม ทั้งนี้เพราะ อนุชนรุ่นหลังคงไม่อาจเติบโตไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ถ้าไม่ได้ดูดซับความเชื่อเกี่ยวกับโลกทัศน์ และทักษะในการดำรงชีวิตและแก้ปัญหาของผู้ใหญ่ ก่อนที่การศึกษาจะกลายมาเป็นกระบวนการสำคัญที่ต้องกระทำด้วยความตั้งใจและเป็นทางการ และเป็นระบบ โดยมีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่ง คือ พระหรือนักปราชญ์ หรือนักวิชาการเป็นผู้รับผิดชอบนั้น คนในสมัยโบราณก็มีการให้การศึกษาแก่เด็กในสังคมของเขาเหมือนกัน แต่การให้การศึกษาของคนสมัยก่อนเป็นไปในลักษณะของการถ่ายทอดให้เกิดการเรียนรู้ในชีวิตประจำวันโดยอัตโนมัติ เช่น การสอนการดำรงชีพ โดยการสอนการจับปลาและการเพาะปลูก รวมทั้งการถ่ายทอดวัฒนธรรมทางสังคม เช่น พิธีศพ การศึกษาในลักษณะดังกล่าวไม่ใช่การศึกษาแบบเป็นทางการ ไม่ใช่การศึกษาที่เป็นระบบ และไม่ใช่กระบวนการที่จงใจกระทำขึ้นเพื่อการเรียนรู้ จึงไม่มีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งซึ่งทำหน้าที่รับผิดชอบต่อเรื่องการศึกษา   ดังนั้น ปรัชญาการศึกษา คือ ปรัชญาในส่วนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหา เป้าหมายของการศึกษาของสังคม
โดยพยายามตอบคำถามที่ว่า เป้าหมายหรือผลที่พึงประสงค์ที่จะก่อให้เกิดกับผู้เรียนนั้นควรจะเป็นอะไร ?และเป้าหมายดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ ? เมื่อตอบคำถามถึงเป้าหมายของการศึกษาเสียแล้ว ก็สามารถตอบคำถามต่อไปได้ว่า ความรู้ใด ทัศนคติใด ทักษะใด ควรได้รับการถ่ายทอดให้แก่เขาเหล่านั้น รวมทั้งมรรควิธีให้การศึกษาจะนำไปสู่เป้าหมายนั้นด้วย

        คำตอบของนักปรัชญาการศึกษาต่อปัญหาที่ว่า เป้าหมายของการศึกษาหรือผลที่พึงประสงค์ของการศึกษาหรือสิ่งใดนั้น ย่อมมีผลสืบเนื่องมาจากทัศนะความเชื่อของนักปรัชญาทางด้านอภิปรัชญาและญาณวิทยาอยู่มากที่เดียว ตัวอย่างเช่น นักปรัชญาอย่าง เพลโต มีความเชื่อทางอภิปรัชญาว่า วัตถุทั้งหลายเป็นเพียงสิ่งเลียนแบบแม่แบบในโลกแห่งแบบ แม่แบบเป็นสิ่งที่จริงกว่า หรือแม่แบบคือสัจธรรม ดังนั้น เป้าหมายของการศึกษาควรมุ่งให้เรียนรู้สัจธรรม
มิใช่มีความรู้ในโลกแห่งประสบการณ์ซึ่งเป็นเพียงสิ่งเลียนแบบสัจธรรมเท่านั้น วิชาวิทยาศาสตร์จึงมิใช่วิชาที่สำคัญ ส่วนนักปรัชญาอย่าง  ฟรานซิส เบคอน, จอห์น ล็อค  มีความเชื่อว่า โลกแห่งปรากฏการณ์อย่างที่มันเป็น เป็นจริงแล้ว การศึกษาจึงมีเพียงเป้าหมายที่จะเข้าใจโลกแห่งปรากฏการณ์นี้เท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องหาความรู้ในเชิงนามธรรมที่ห่างไกลตัวออกไปอย่างทัศนะของเพลโต ดังนั้น วิชาเช่นวิทยาศาสตร์จึงเป็นวิชาที่สำคัญ ทำให้มนุษย์พบกับความสุขที่แท้จริง
แนวคิดของนักศึกษา

        จากการศึกษา  ทำความเข้าใจเกี่ยวกับปรัชญา ทั้งปรัชญาสากล  ปรัชญาการศึกษาตะวันตก
และปรัชญาการศึกษาไทย  ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า ปรัชญามีอิทธิพลต่อความเชื่อของบุคคลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้เพราะว่า  ปรัชญาการศึกษา  เป็นการประยุกต์ปรัชญาทั่วไปมาจัดการศึกษา เพื่อเป็นเช่นนี้แล้ว  ความเชื่อที่เป็นรากเหง้าของสังคมของมนุษย์  จึงเป็นตัวกำหนดอนาคตทางความคิดของคนอย่างแยกกันไม่ออกปรัชญาการศึกษาไทย  ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  เป็นการผสานเอาแนวคิดตะวันตก กับสภาพสังคมวัฒนธรรมไทย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชนรุ่นใหม่ลืมรากเหง้าทางวัฒนธรรมของตนเอง   ชนิดที่เรียกว่ากู่ก็ไม่ยอมกลับ

         นโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาลคณะปัจจุบัน ที่มี ที่มีนายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฐ์ 
เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีนโยบายด้านการศึกษา เสริมสร้างความตระหนักในคุณค่าของ  ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง   ความสมานฉันท์   สันติวิธี  และวิถีชีวิตประชาธิปไตย  จึงเป็น ปรัชญา ในการพัฒนาคนที่ใช้คุณธรรมเป็นพื้นฐานของกระบวนการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงความร่วมมือของ สถาบันครอบครัว  ชุมชน  สถาบันทางศาสนา  และสถานศึกษา   นั่นคือ  การให้ประชาชนและเอกชน  มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา เพื่อให้การศึกษา   สร้างคน  และสร้างความรู้สู่สังคมคุณธรรม คุณภาพ สมรรถภาพ  และประสิทธิภาพ  นั่นเอง
ข้าพเจ้ามีความเชื่อเช่นนี้จริง ๆ

       สุดท้ายนี้  ขอนำเอานิยามของคำว่า
การศึกษา ที่นักการศึกษาและนักปราชญ์ได้ให้นิยามไว้ เพื่อเป็นข้อคิดในการวางแผนจัดการศึกษาต่อไป  ดังนี้
การศึกษา  คือ การปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
การศึกษา  คือ กระบวนการของสังคม
การศึกษา  คือ การจัดประสบการณ์ให้กับผู้เรียน
การศึกษา  คือ การพัฒนาความสามารถ
การศึกษา  คือ การสนองความต้องการที่จำเป็น
การศึกษา  คือ เครื่องมือที่จะทำให้เกิดการเจริญงอกงาม
การศึกษา  คือ การที่ทำให้มนุษย์ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรจะได้
การศึกษา  คือ การทำลายสัญชาตญาณอย่างสัตว์
การศึกษา  คือ ชีวิต
การศึกษา  คือ ความเจริญงอกงาม

        ส่วนข้าพเจ้า  ขอให้นิยามของคำว่า  “การศึกษา”  ว่า
                                “การศึกษา คือ การสร้างพฤติกรรมบนภาพลวงแห่งความจริง
                                                          
                                                                   บทสรุป

         ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นว่า  ระบบการบริหารการศึกษาของสังคมไทยในยุคปัจจุบัน  เป็นระบบที่เหลวแหลกที่สุดในเส้นทางการก้าวย่างของวงการการบริหารการศึกษาของไทยทั้งนี้  เหตุผลดังกล่าว เกิดขึ้นบนความเชื่อที่ว่า ผู้บริหารการศึกษายังยึดมั่นถือมั่นในตนเองมากกว่าการที่จะกล้า  กล้าที่จะให้ผู้ปฏิบัติได้แสดงศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่  มิใช่กล้าแบบลวง ๆโรงเรียนเป็นนิติบุคคลแล้ว   การตัดสินใจของผู้บริหารจึงเป็นการตัดสินใจที่เกิดขึ้นร่วมกันของผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงาน
          การตัดสินใจในเรื่องเกี่ยวกับการศึกษา  ควรเกิดขึ้นบนพื้นฐานของความคิดของผู้ปฏิบัติอย่างเป็นเอกภาพ
          การตัดสินใจร่วมกันระหว่างองค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่น กับหน่วยงานทางการศึกษา ควรเป็นการตัดสินใจในระดับระนาบความพะวงหรือความเป็นห่วงในฐานะแห่งตนนั้นน่าจะกระจ่างได้ โดยองค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่น  จะเป็นผู้บริหารจัดการในส่วนของงบประมาณ  การติดต่อประสานงานต่าง ๆในขณะเดียวกัน  การจัดการศึกษา
จะเป็นหน้าที่โดยหน่วยงานทางการศึกษา ซึ่งก็จะมีผู้บริหารการศึกษาที่เป็นบุคลากรทางด้านการศึกษาโดยเฉพาะเป็นผู้บริหารงานด้านการศึกษาอย่างเป็นเอกภาพ  ไม่ถูกครอบงำโดยผู้บริหารขององค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่น  ภายใต้ความเชื่อที่ว่า
            
ไม่ควรนำการเมืองมาเปื้อนปนการศึกษา แต่การเมืองต้องสนับสนุนการจัดการศึกษาอย่างเต็มที่       ข้อเสนอแนะดังกล่าวข้างต้น เป็นเพียงความคิดส่วนตัวของผู้เขียนที่ต้องการสื่อให้เห็นถึงความต้องการของระดับผู้ปฏิบัติ  แต่ในขณะเดียวกัน  การวางแผนร่วมกันระหว่างองค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่น กับหน่วยงานทางการศึกษา จะต้องรวมกันทำ ร่วมกันวางแผนในสิ่งที่เป็นแผนกลยุทธ์ร่วมกัน  ผู้เขียนมีความเชื่อว่า กระบวนการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน  (School-Based Management Process) น่าจะนำมาใช้ในการวางแผนร่วมกันได้ดี  คือ

 
1.วิเคราะห์ศักยภาพของโรงเรียน
         องค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับสถานศึกษาวิเคราะห์ศักยภาพของโรงเรียน เพื่อหาแนวทางในการทำงานร่วมกัน

 
2.กำหนดวิสัยทัศน์ นโยบาย ยุทธศาสตร์ มาตรฐาน ตัวบ่งชี้          การกำหนดวิสัยทัศน์ นโยบาย ยุทธศาสตร์ มาตรฐาน และตัวบ่งชี้ร่วมกับระหว่างองค์กร ทำให้เห็นแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการร่วมกัน

 
3.กำหนดกลยุทธ์ วางแผนพัฒนาและแผนปฏิบัติการ
          การกำหนดกลยุทธ์ วางแผนพัฒนา และแผนปฏิบัติร่วมกัน สามารถทำให้ความไม่กระจ่างในสิ่งที่จะทำเป็นรูปธรรม มองเห็นในงานที่จะต้องทำร่วมกัน

 
4.ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ
         การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ ควรให้เอกภาพในการดำเนินงานโดยหน่วยงานทางการศึกษาเป็นการเฉพาะ

 
5.ประเมินตนเอง ประเมินภายใน
        การประเมินตนเอง ประเมินภายใน สามารถดำเนินร่วมกันได้

 
6.รายงานประจำปี รายงานการประเมินตนเอง

          หน่วยงานทางการศึกษา ต้องรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี หรือรายงานการประเมินตนเองให้กับองค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่นให้ทราบ ทราบในความก้าวหน้าของการจัดการศึกษา  เพื่อใช้ในการวางแผนต่อไปเมื่อองค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่นให้โอกาสหน่วยงานทางการศึกษา บริหารการศึกษาได้อย่างเต็มที่  มีเอกภาพในการบริหารจัดการแล้ว  กลัวทำไมที่จะโอนมาสู่องค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่น

 ข้าพเจ้าขอเสนอบทกลอน เพื่อการเสริมสร้างอุดมการณ์ร่วมกับระหว่างองค์กร ดังนี้
  การจัดการศึกษา                
 คือหน้าตาของท้องถิ่น
 ร่วมพัฒนาเพื่อแผ่นดิน      
 ผลลัพธ์ทั้งสิ้นเพื่อเด็กไทย
จงร่วมกันเพื่อสรรค์สร้าง         
งานทุกอย่างต้องโปร่งใส

ทุกองค์การร่วมขับเคลื่อนไป   
การศึกษาไทยย่อมพัฒนา
                                                           
                                                                     www.lpnrights.org
แหล่งอ้างอิงเนื้อหาและภาพประกอบ
 กิติมา  ปรีดีลิดก. ปรัชญาการศึกษา. กรุงเทพ ฯ :  ประเสริฐการพิมพ์, 2520
 จิตรกร  ตั้งเกษมสุข. พุทธปรัชญากับปรัชญาการศึกษาไทย. กรุงเทพ ฯ : เคล็ดไทย, 2525
 ชาลี  มณีศรี. ปรัชญาและแนวคิดทางการศึกษา. ชลบุรี : อัดสำเนา, 2519
 บรรจง  จันทรสา. ปรัชญากับการศึกษา. กรุงเทพ ฯ : ไทยวัฒนาพานิช, 2522
 พระราชวรมุณี. ปรัชญาการศึกษาไทย. กรุงเทพ ฯ : มูลนิธิโกมล  คีมทอง, 2525
 ไพฑูรย์  สินลารัตน์. ปรัชญาการศึกษาและปรัชญาการศึกษาไทย. กรุงเทพ ฯ :
                          ไทยวัฒนาพานิช, 2523
 รัตนา  ตันบุนเต็ก. ปรัชญาคืออะไร. กรุงเทพ ฯ : อัมรินทร์การพิมพ์, 2523
 ระวี  ภาวิไล. ศาสนากับปรัชญา. กรุงเทพ ฯ : เคล็ดไทย, 2520
 วารินทร์  สินสูงสุด. การศึกษากับปรัชญา. กรุงเทพ ฯ : มุมหนังสือวันทิพย์, 2520
 วรวิทย์  วศินสรากร. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับปรัชญาการศึกษา. กรุงเทพ : พัฒนาศึกษา, 2544
 วิทย์  วิศท์เวทย์. ปรัชญา. กรุงเทพ ฯ : ไทยวัฒนาพานิช, 2518
 ศักดิ์ชัย  นิรัญทวี. ปรัชญาเอ็กซิสตองเชียลลิสม์. กรุงเทพ ฯ : สำนักพิมพ์วลี, 2526
 ส.ศิวรักษ์. ปรัชญาการศึกษา.  กรุงเทพ ฯ: เคล็ดไทย,  2516
 อมร  โสภณวิเชษฐวงศ์. ปรัชญาเบื้องต้น. กรุงเทพ ฯ :ทำเนียบนายกรัฐมนตรี, 2514
www.hu.swu.ac.th/ph/applied_education.htm
www.hrd.ru.ac.th/TotalSubject/EF603_1.html
www.sobkroo.com/sobkroo_14.html
www.ka.mahidol.ac.th/muka_history/html/muka_2.html
www.mcu.ac.th/site/thesisdetails.php?thesis=253904
www.cpu.ac.th/phylo.html
www.pramanda.ac.th/school/data13.html
www.santivit.th.edu/phychology.htm
www.khaisrip.th.edu/lotto.htm
www.pwdmedia.com
www.onec.go.th
www.aksorn.com
www.lpnrights.org